แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เห็ดหลินจือDIC แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เห็ดหลินจือDIC แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประกาสจากDIC

ประกาสจาก DIC

ของรายข่าวเกี่ยวกับผู้ยากที่ป่วยเรื้อรัง
ที่ DIC ได้ส่งเห็ดหลินจือให้ทานฟรีตลอดชีวิต
แต่ไม่ทันเห็ดหลินจือได้ถึง
ผู้ป่วยก็ได้เสียชีวิตลงเสียก่อน

ถ้าเห็ดหลินจือถึงแล้วก็ให้สามีของผู้เสียชีวิตทาน เพราะเขาเป็นอัมพฤก น่าจะช่วยได้มาก

และทาง DIC ต้องยุติการส่งเห็ดหลินจือแด๊กซินในครั้งต่อๆ ไป
เพราะผู้รับบริจาคได้เสียชีวิตแล้ว

และจะรับเรื่องผู้ป่วยยากไร้ที่ป่วยเรื้อรังรายต่อไปผ่านเพจ DIC-กองทุนผู้ยากไร้ที่ป่วยเรื้อรัง เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น

ทางทีมงาน DIC ขอแสดงความใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย

เอ่นนาลิลลาฮีวาเอ่นนาอีลัยฮีรอญีอูน

จึงรายงานเพื่อทราบ

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ผลงานวิจัยสปอร์(ราก)และดอกเห็ดหลินจือของเมืองไทย

ผลงานวิจัยเพื่อสังคม

เห็ดหลินจือ จากงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์

รองศาสตราจารย์ ดร. นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ 
ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเห็ดหลินจือ [Ganoderma lucidum (Fr.) Karst.] หรือที่รู้จักกันดีในประเทศไทย “เห็ดหมื่นปี เห็ดจวักงู” ชื่ออังกฤษ “Lacquered mushroom” ชื่อญี่ปุ่น “Mannantake” เห็ดหลินจือ จัดเป็นราชาแห่งสมุนไพรจีน ที่มีการใช้มานานกว่า 4,000 ปี เป็นยาอายุวัฒนะและรักษาโรคต่าง ๆ ในเภสัชตำรับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง รักษาโรคหัวใจ และช่วยให้นอนหลับ
(1)  มีรายงานการศึกษาทางคลินิกพบว่า เห็ดหลินจือมีผลกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยมะเร็งปอด
(2) ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่
(3) และผู้ป่วยมะเร็งขั้นลุกลาม
(4) มีฤทธิ์ต้านปวดและมีความปลอดภัยในการใช้ในผู้ป่วยโรค rheumatoid arthritis
(5) รักษาโรค neurasthenia
(6) โรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง
(7,8) อาการปวดหลังจากการติดเชื้องูสวัด
(9)  นอกจากนี้ยังพบว่าเห็ดหลินจือมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยามากมาย เช่น ฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
(10-13)  ฤทธิ์ต้านเนื้องอกและมะเร็ง
(10,14-16)  ฤทธิ์ป้องกันเส้นประสาทเสื่อม
(17-20)  ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด
(21-22) ฤทธิ์ลดไขมันในเลือด
(23-24) ฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน
(25-27) ฤทธิ์ต้านการอักเสบ (anti-inflammation)
(28-29) เป็นต้น ซึ่งสารสำคัญคือ สารกลุ่ม polysaccharides(10,11,13) สารกลุ่ม triterpenoids
(30-33) สารกลุ่ม sterols
(34-36) สารกลุ่ม fatty acids
(37) สารกลุ่มโปรตีน
(38-41) เป็นต้น ซึ่งสารสำคัญดังกล่าวจะพบได้ในส่วนสปอร์มากกว่าส่วนดอก
(42) และสปอร์ที่กะเทาะผนังหุ้มมีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและต้านมะเร็งได้ดีกว่าสปอร์ที่ไม่กะเทาะผนังหุ้ม และส่วนดอก
(43-45)  มีการศึกษาเกี่ยวกับพิษวิทยาของเห็ดหลินจือทั้งพิษแบบเฉียบพลันและพิษแบบเรื้อรังพบว่ามีความเป็นพิษต่ำมาก และมีความปลอดภัยสำหรับการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

ประเทศไทยมีการปลูกเห็ดหลินจือในเชิงพาณิชย์มาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี โดยจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในรูปดอกเห็ดหั่นเป็นแผ่น น้ำเห็ดหลินจือ เครื่องดื่มชาเห็ดหลินจือ กาแฟเห็ดหลินจือ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งสรรพคุณในการรักษาโรคภัยต่าง ๆ หรือการศึกษาการเพาะปลูกตามหลักเกณฑ์ที่ดีในการเพาะปลูก (Good agricultural Practice; GAP) หรือการเก็บสปอร์เห็ดหลินจือมาใช้ประโยชน์ เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้เนื่องจากขาดการประสานงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีองค์ความรู้แต่ไม่มีการบูรณาการในการศึกษาวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง
ปี 2551-2554 สถาบันการแพทย์แผนไทย-จีน เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้เป็นองค์หลักในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ โครงการพิเศษสวนเกษตรเมืองงาย ในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ สถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณะแพทยศาสตร์ และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการวิจัยและพัฒนาเห็ดหลินจือตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงการใช้ประโยชน์  คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้าร่วมโครงการฯ เป็นคณะทำงานการวิจัยเห็ดหลินจือและสปอร์เห็ดหลินจือในระดับพรีคลินิก และคณะทำงานการพัฒนาผลงานการวิจัยเห็ดหลินจือและสปอร์เห็ดหลินจือสู่การใช้ประโยชน์
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษา 
“คุณภาพและปริมาณสารสำคัญของดอกเห็ดและสปอร์เห็ดหลินจือที่ปลูกในประเทศไทย”(46)  โดยตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญกลุ่ม terpenoids(47) และสารกลุ่ม polysaccharides(48,49)   การศึกษานี้จะเป็นข้อมูลบ่งชี้พันธุ์เห็ดหลินจือที่เหมาะสมในการปลูกในประเทศไทย อายุในการเก็บเกี่ยวสปอร์(ราก)และดอกเห็ด ชนิดของท่อนไม้ที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงเห็ด และและได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสปอร์(ราก)เห็ดหลินจือ ก่อนนำไปใช้ทางยาจะต้องกะเทาะผนังหุ้ม(50)  ผลการศึกษาคุณภาพและปริมาณสารสำคัญของดอกเห็ดและสปอร์(ราก)เห็ดหลินจือพันธุ์ MG1, MG2, MG5 พบว่า ระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมคือ 110 วัน และพันธุ์เห็ดที่มีปริมาณสารกลุ่ม polysaccharides สูงคือ พันธุ์ MG2 โดยพบในสปอร์(ราก)ที่กระเทาะผนังหุ้ม (4.77%) มากกว่าดอกเห็ด (3.06%) ส่วนพันธุ์ที่มีปริมาณสารกลุ่ม triterpenoids สูง คือ พันธุ์ MG5 โดยพบในก้านดอก (0.55%) มากที่สุด รองลงมาคือดอกเห็ด (0.40%) และสปอร์ (0.27%) ตามลำดับ และพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงเห็ด คือ ไม้ลำไย และไม้สะเดา และงานวิจัยนี้ได้พิสูจน์ว่าสปอร์ที่กะเทาะผนังหุ้มมีสารสำคัญและฤทธิ์ทางยาดีกว่าสปอร์ที่ไม่กะเทาะผนังหุ้ม ทั้งนี้เพราะว่าผนังหุ้มสปอร์มีผนังหนา 2 ชั้น ผนังชั้นนอกเรียบ ผนังชั้นในยื่นคล้ายหนามไปชนผนังชั้นนอก ซึ่งผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าตัวทำละลายแอลกอฮอล์ หรือ dichloromethane ไม่สามารถสกัดสารสำคัญกลุ่ม triterpenoids ออกจากสปอร์เห็ดหลินจือที่ไม่กะเทาะผนังหุ้ม แต่การต้มสปอร์ที่ไม่กะเทาะผนังหุ้มด้วยน้ำจะสกัดสารกลุ่ม polysaccharides ได้บ้าง แต่ปริมาณน้อยกว่าสปอร์ที่กะเทาะผนังหุ้ม นอกจากนี้ในสภาวะที่เป็นกรด หรือเป็นด่าง เลียนแบบสภาวะของกระเพาะและลำไส้ ตามลำดับ ก็ไม่สามารถทำลายผนังหุ้มของสปอร์ได้ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเลกตรอน และ TLC chromatogram ซึ่งจะสอดคล้องกับกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลศิริราชพยาบาล เมื่อผู้ป่วยคนหนึ่งที่รับประทานผงเห็ดหลินจือแล้วมีอาการท้องเสีย เมื่อตรวจอุจจาระพบว่ามีสปอร์เห็ดหลินจือที่มีขนาดและรูปร่างคล้ายกับไข่พยาธิ ซึ่งอาจจะทำให้เข้าใจผิดได้ว่าอาการท้องเสียเกิดจากพยาธิ หลังจากหยุดการรับประทานผงเห็ดหลินจือ อาการต่าง ๆ ก็ดีขึ้น(51) กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการรับประทานสปอร์เห็ดหลินจือที่ไม่กะเทาะผนังหุ้ม ร่างกายคนไม่สามารถย่อยผนังหุ้มได้ ทำให้จึงยังคงพบสปอร์ในอุจจาระ ฉะนั้นการรับประทานสปอร์เห็ดหลินจือจึงต้องทำการกะเทาะผนังหุ้มก่อน เพื่อให้สารสำคัญถูกสกัดออกจากสปอร์และดูดซึมเข้าร่างกายได้ ซึ่งจะมีคุณค่าทางยาตามรายงานการวิจัยทางคลินิกหรือพรีคลินิก

ติดต่อเรา

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ตะลึง!!! ผลการทานเห็ดลินจือกับโรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก (Bell’s palsy)


ผลการทานเห็ดหลินจือแดงสกัดDAXIN
เห็ดหลินจือแดงสกัด 100% รากและกอด 6 สายพันธุ์ เจ้าแรกของเมืองไทย
โรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก (Bell’s palsy) รศ.นพ.ก้องเกียรติ กูณฑ์กันทรากร อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง
     ผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินข่าวเรื่องดารานักแสดงหลายคนมีอาการใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก ฟังดูน่ากลัวแถมยังมีผลอย่างมากต่อรูปลักษณ์ที่เป็นส่วนสำคัญต่อบุคลิก การทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัน
โดยบางคนอาจกังวลว่า อาการใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกนี้เป็นอาการรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองหรือไม่ หรือถ้าเป็นแล้วจะหายเป็นปกติหรือไม่
ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก หรือที่เรียกว่าโรคเบลล์พัลซี่ (Bell’s palsy) กัน
     โรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก หรือ Bell’s palsy นี้ได้ถูกบรรยายครั้งแรกโดยเซอร์ชาร์ลส์ เบลล์ แพทย์ชาวสกอตแลนด์ในปี พ.ศ.2372 และพบว่า เกิดจากรอยโรคที่เส้นประสาทสมองที่ 7 ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า น่าแปลกที่ว่า ผู้ป่วยมักเป็นที่ใบหน้าข้างขวามากกว่าข้างซ้ายเล็กน้อย โรคนี้พบได้บ่อยมากคือในช่วงชีวิตหนึ่งของคนทั่วไปมีโอกาสเกิดโรคได้ถึงร้อยละ 1
กลุ่มเสี่ยง
     สำหรับคนทั่วไปจะมีความเสี่ยงสูงตามอายุที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติก็มีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานมักมีปัญหาด้านการอุดตันของหลอดเลือดขนาดเล็กที่เส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทตายจากการขาดเลือด และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อใหม่หรือการกำเริบของไวรัสในร่างกาย
สาเหตุ
     ผู้ป่วยโรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกเกือบทั้งหมดไม่ได้มีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก และสาเหตุในผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ส่วนหนึ่งมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อเริม (Herpes simplex virus type1) หรือไวรัสอื่นๆ ที่เส้นประสาทสมองที่ 7 เช่น ไวรัสโรคสุกใส ไวรัสเอปสไตน์บาร์ หรือเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคไลม์ ซึ่งการติดเชื้อข้างต้นนี้อาจเป็นการติดเชื้อใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเป็นการกำเริบจากการติดเชื้อที่แฝงอยู่เดิมในร่างกายก็ได้ เมื่อร่างกายอ่อนแรงลง ไม่ว่าจะมาจากปัจจัยความเครียดทางจิตใจ หรือจากสิ่งแวดล้อมภายนอก หรือโรคทางกายอื่นๆ ก็จะทำให้เกิดโรคขึ้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงมักไม่ทราบสาเหตุที่จำเพาะของโรคนี้

      นอกจากนั้นแล้ว ความผิดปกติของเส้นประสาทสมองที่ 7 ที่ทำให้เกิดอาการไม่ต่างจาก Bell’s palsy ยังเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น อุบัติเหตุต่อเส้นประสาทโดยตรง การติดเชื้อบริเวณข้างเคียง หูชั้นในอักเสบติดเชื้อ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

อาการ
     • อาการเด่นที่มักนำผู้ป่วยมาพบแพทย์คือ ผู้ป่วยมักมีอาการอ่อนแรง หรือที่เรียกว่าอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีก โดยเกิดอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือข้ามคืน
     • ผู้ป่วยมักปิดตาไม่สนิท ทำให้เกิดการระคายเคืองตาได้ง่าย มีน้ำตาไหลมากขึ้น
     • เนื่องจากเส้นประสาทสมองที่ 7 นี้มีแขนงเล็กๆ ไปที่กล้ามเนื้อของหูชั้นกลาง บางรายจึงอาจมีอาการปวดบริเวณหลังหูร่วมด้วย เช่น รู้สึกว่ามีเสียงดังหรือก้องขึ้นในหูด้านเดียวกัน
     • บางรายอาจมีการรับรสที่ผิดปกติร่วมด้วย แต่เป็นส่วนน้อย
การวินิจฉัย
     แพทย์จะซักประวัติถึงอาการและระยะเวลาที่เกิดขึ้น อาการร่วมอื่น สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ และตรวจร่างกาย เพื่อยืนยันถึงรอยโรคที่เส้นประสาทสมองนี้ และแยกโรคอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันออกไป

      โดยรูปแบบของอาการใบหน้าอ่อนแรงในโรคนี้จะมีลักษณะพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากความผิดปกติของใบหน้าอ่อนแรงที่เกิดจากเหตุโรคในสมองคือ กลุ่มกล้ามเนื้อใบหน้าทั้งครึ่งซีกที่รวมถึงกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก (ที่ใช้ยักคิ้ว/ย่นหน้าผาก) และกลุ่มกล้ามเนื้อส่วนล่างของใบหน้า (ที่ใช้แสยะยิ้ม แยกเขี้ยว เม้มปาก) จะมีความผิดปกติทั้งคู่ ผู้ป่วยจึงดูมีลักษณะว่าใบหน้าด้านนั้นดูห้อยลง ปิดตาไม่สนิท ย่นหน้าผากไม่ได้ ดื่มน้ำแล้วน้ำซึมจากมุมปาก หรือเมื่อให้ผู้ป่วยยิงฟัน หน้าจะถูกดึงไปด้านตรงข้าม ทำให้ดูเหมือนว่าหน้าเบี้ยวด้านตรงข้าม
โดยทั่วไป แพทย์จึงมักให้การวินิจฉัยโรคนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติมพิเศษ ส่วนในรายที่สงสัยว่ามีปัจจัยเสี่ยงสูงข้างต้น เช่น เป็นโรคเบาหวาน และเป็นผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ก็ควรตรวจหาโรคเบาหวาน โรคทางภูมิคุ้มกันผิดปกติ ตรวจเอกซเรย์ หรือภาพคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง ฯลฯ

ผลการทานเห็ดหลินจือแดงสกัดDAXIN
Ninng Surang

Ninng Surang1
*** ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคล


วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแดงมีการนิยมเป็นอย่างสูงในปัจจุบันเห็ดหลินจือแด๊กซิน ยอดขายอันดับ 1 ของเมืองไทย



ในปัจจุบันความเครียดอาจส่งผลกระทบกับการนอนหลับพักผ่อนของคุณ สมุนไพรอย่างหนึ่งที่ช่วยให้หลับสนิทได้อย่างยาวนานขึ้นคือ เห็ดหลินจือ สรรพคุณอย่างหนึ่งของเห็ดหลินจือนั้นช่วยให้หลับสนิทได้อย่างต่อเนื่อง ร่างกายจึงพักผ่อนได้ อย่างเต็มที่ ตื่นขึ้นมาจึงทำให้ร่าเริงแจ่มใส อารมณ์ดี มีสมาธิมากขึ้นพร้อมที่จะลุยงานหนักได้อย่างเต็มที่ เห็ดหลินจือยังช่วยบำรุงประสาทส่วนที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังป้องกันโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้อีกทางหนึ่งด้วย
cr : www.maxelement.co.th


ติดต่อเรา

http://line.me/ti/p/sP-pAVK3oJ

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแดงแด๊กซิน เห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์ เจ้าแรกของเมืองไทย เห็ดหลินจือยอดขายอันดับ 1 ของเมืองไทย



ทำไมต้องดูแลสุขภาพด้วยเห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์

ปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า คนรักสุขภาพหันมาใส่ใจในเรื่องสมุนไพรกันมากขึ้นที่จะสรรหากันมาดูแลร่างกายและ สมุนไพรที่ได้ชื่อว่าเป็นราชันย์ของสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง นั้นคือ สมุนไพรเห็ดหลินจือ ที่มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า เห็ดหมื่นปี เพราะมีความเชื่อว่า เห็ดหลินจือ เป็นของหายากมีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรของจีนและได้ถูกบันถึงไว้ในคัมภีร์โบราณ ว่าเป็นสมุนไพรเทพเจ้าแห่งชีวิต เป็นยาอายุวัฒนะ ที่ช่วยยืดอายุให้เป็นหนุ่มสาว และ ดูแลป้องกันโรคต่างๆ มากมาย

สำหรับตำนานเรื่องราวของเห็ดหลินจือหรือเห็ดหมื่นปีนี้ ถือเป็นราชาเห็ดสมุนไพรที่วิเศษมีประสิทธิภาพสูง และมีประวัติอันยาวนานกว่า 5,000 ปี ในอดีตต้องเสาะแสวงหาตามป่าเขาที่ขึ้นเองตามธรรมชาติใช้เป็นอาหารบำรุงสุขภาพและบำบัดโรค ใช้ทำเป็นยาอายุวัฒนะที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีการบันทึกตำรับยาไว้ในคัมภีร์โบราณ ชื่อ “เสินหนงเปินเฉ่า” ซึ่งเป็นตำราเก่าแก่ที่สุดของจีน มีคนนับถือมากที่สุด ในตำราได้กล่าวไว้ว่า เห็ดหลินจือ เป็นเทพเจ้าแห่งชีวิตมีพลังมหัศจรรย์และมีความปลอดภัยสูง ไม่มีพิษใดๆ มีแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญคือประเทศจีน เนื่องจากความเหมาะสมของสภาพดินและภมูอากาศ

ชนิดของเห็ดหลินจือ

ปัจจุบันมีกว่า 20 ชนิด หลากหลายสายพันธุ์ซึ่งก็สามารถรับประทานได้หมด แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมี 6 สายพันธุ์แบ่งตามสี คือ

เห็ดหลินจือแดงรูยี 
เห็ดหลินจือแดงกิมซัน
เห็ดหลินจือแดงรูปสมอง
เห็ดหลินจือแดงรูปหัวใจ
เห็ดหลินจือแดงรูปปอด
เห็ดหลินจือแดงนกยุงรำแพน

แต่ที่นิยมและมีงานวิจัยมากที่สุดคือ สายพันธุ์ที่แดง หรือที่รู้จักในชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ganoderma Lucidum ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าควรทานให้ครบทั้ง 6 สายพันธุ์เพราะแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีสรรพคุณบำบัดโดดเด่นเพียง 2-3 โรคเท่านั้น

สาระสำคัญและประโยชน์ของเห็ดหลินจือ

จากการวิจัยทางการแพทย์พบว่า เห็ดหลินจือ มีสารออกฤทธิ์สำคัญที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดี มีความแข็งแรงสามารถสู้กับโรงต่างๆ ได้ซึ่งก็คือ โพลีแซคคาไรด์ โพลีแซคคาไรด์เป็นสารที่มีโมเลกุลของน้ำตาลมาเรียงตัวต่อกันเป็นสายยาว ออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบภมูิต้านทานของร่างกายนอกจากนี้ก็จะมีสารกลุ่มไตรเทอร์ปินอยด์ ซึ่งจะช่วย ลดความดันโลหิต ลดไขมัน ลดการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง ลดความเครียด สารเยอร์มาเนียมซึ่งจะช่วยปรับความสมดุลย์ของระบบในร่างกาย

เห็ดหลินจือกับโรคมะเร็ง

ในส่วนของการศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณของเห็ดหลินจือกับการป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง มีงานวิจัยมากมาย มาสนับสนุนอย่างกว้างขวางทีมแพทย์ในญี่ปุ่นมีการทำการทดลองในห้องทดลอง และมีการทำเคสผู้ป่วยมะเร็งพบว่าสารโพลีแซคคาไรด์ในเห็ดหลินจือให้ผลมหัศจรรย์กับการรักษามะเร็ง โดยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่รักษาแบบเคมีบำบัด กระตุ้นให้ร่างกายสามารถบำบัดซ่อมแซมตัวเองได้

ติดต่อเรา
http://line.me/ti/p/sP-pAVK3oJ

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแด๊กซิน เห็ดหลินจือแดงสกัดเจ้าแรกของเมืองไทย เห็ดหลินจืออันดับ 1 ของเมืองไทย

ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการกองทุนผู้บากไร้ที่ป่วยเรื้อรัง DIC

สนับสนุนโดย...
เห็ดหลินจือแดงสกัด 100% DAXIN เห็ดหลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ เจ้าแรกของเมืองไทย

ชุดทดลอง 60 แคปซูล 640 บาทลดเหลือ 480 บาท
ชุด 180 แคปซูล 1,760 บาทลดเหลือ1,310 บาท

ติดต่อเรา
http://line.me/ti/p/sP-pAVK3oJ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแดง DAXIN กินยาจิตเวชมาหลายปี ทานเห็ดหลินจือช่วยได้ไหม?

เห็ดหลินจือกับสุขภาพจิต


เห็ดหลินจือกับสุขภาพจิต

สรรพคุณเห็ดหลินจือที่มีต่ออาการทางจิตประสาทและการบำบัดความผิดปกติของระบบประสาทแล้ว ในตำราแพทย์และตำรับยาสมุนไพรจีนและญี่ปุ่นแต่โบราณ บรรยายสรรพคุณของเห็ดหลินจือส่วนหนึ่งว่าเป็นยานอนหลับ เป็นยาบำรุงสมอง และทำให้ฉลาด ชาวบ้านมักดองเห็ดไว้ในน้ำหรือทำเป็นยาดองเหล้าดื่มก่อนนอน คณะนักวิจัยแห่งชาติมหาวิทยาลัยทันตแพทย์ กรุงโตเกียว ได้ทำการทดลองในหนูพบว่าถ้าให้หนูกินเห็ดหลินจือติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้หนูหลับง่าย แต่ถ้าในระยะสั้น ผลจะชัดเจนนัก ยังมีรายงานจากประเทศญี่ปุ่นว่ามีการใช้เส้นใยเห็ดหลินจืออัดแห้งสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคจิตประสาท และโรคความจำเสื่อมชนิดอัลไซด์เมอร์ ซึ่งเกิดจากเนื้อเยื่อสมองส่วนเปลือกนอกฝ่อ ทำให้จำอะไรไม่ค่อยได้ เป็นโรคขี้ลืมได้แม้ในวัยหนุ่มสาว คำพูดและพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงตอบคำถามง่าย ๆ ไม่ได้ อาจมีอาการหวาดระแวง ประสาทหลอน หลงตัวเอง ชัก น้ำหนักลด ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ในจีนก็มีการใช้ในผู้ป่วยระบบประสาท ร่วมกับความผิดปกติของกล้ามเนื้อ ใช้เป็นยาเจริญอาหารในผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังจากสาเหตุต่าง ๆ ใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคอ่อนเพลียระเหี่ยใจ หรือที่เรียกว่าโรคประสาทอ่น ซึ่งเป็นโรคประสาทชนิดหนึ่งที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงมีอาการาคล้ายจุกแน่นในลำคอ สมองตื้อ ซมเศร้า ไม่มีชีวิตชีวา และมีการทดลองใช้เส้นใยเห็ดในหนูเพื่อเพิ่มความคงทนต่อภาวะการขาดอ๊อกซิเจนได้แพทย์จีนจึงนำหลักการนี้ไปใช้กับทหารและชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูงหรือบนเขาสูงเพื่อลดภาวะขาดอากาศ เกิดอาการวิงเวียน คลื่นใส้อาเจียน ใจสั่น หายใจไม่สะดวก อ่อนล้า ปวดศีรษะ เบื่ออาหารและนอนไม่หลับ สถาบันการแพทย์ทหารของจีนให้ทหารจำนวน 238 คน รับประทานเห็ดหลินจือที่สกัดเป็นเม็ดจะช่วยป้องกันอาการเหล่านี้ได้ถึง 97.5 % เมื่อทดลองใช้กับทหารที่ต้องทำงานบนที่สูงอีกแห่งหนึ่ง จำนวน 976 คน ก็ได้ผลในการลดอาการปวดศีรษะลงได้ 83.7 % ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ 96 % ทหารที่ไม่ได้เห็ดหลินจือจะมีโอกาสเกิดอาการผิดปกติจากการขาดอากาศได้ถึง 80.31 % เมื่อเปรียบเทียบกับทหารที่ได้รับเห็ดหลินจือจะมีโอกาสเกิดอาการเพียง 16.2-27.8 % เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรายงานการใช้เห็ดหลินจือในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทไวและตื่นตัวมากเกินไปได้ 18 ราย หลังจากบริโภคเห็ดหลินจือไปนาน 4 เดือนเพราะฉะนั้นเห็ดหลินจือจึงมีผลในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การบรรเทาปวดและการระงับประสาทได้ด้วย

ป้าบิน จ.นครสวรรค์
ป้าการดา อยู่ที่ จ.พิษณุโลก ได้ทานเห็ดหลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ ของบริษัทแด๊กซิน (ประเทศไทย) จำกัด ทานได้ประมาณ 2 เดือน ก็เลยแนะนำให้ป้าบินซึ้งเป็นพี่สาว อยู่ จ.นครสวรรค์ ป้าบินเป็นคนหนึ่งที่ทานยาจิตเว๙มาหลายปี ตอนแรกที่ผมพบกับป้าบิน ถามคำก็สักพักถึงจะได้คำตอบเพียงสั้นๆ ป้าดาบอกว่า เวลาป้าบินนั่งรถไปหาหมอที่กรุงเทพฯ ทุกเดือน ป้าบินจะมีอาการปวดเมื่อยทั้งตัว มีอาการท้องผูกตลอด หลังจากทานเห็ดหลินจือได้ 1 เดือน อาการก็ดีขึ้นมากเลยครับ ตอบคำถามได้ดี และอาการปวดหลังก็หายสนิท ป้าบินก็เลยแนะนำญาติๆ ที่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ญาติๆ ซื้อทานกันหลายครัวเรือน มีการตอบรับดีมาก

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็นแรงครับ

Nasron Daxinmudoh



ติดต่อเรา


วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแดง DAXIN สุขสบาย 100%

ความฝันของแต่ละคนอาจจะต่างกัน
สิ่งที่เกือบจะเหมือนกันก็คือ

เมื่อเราเกษียนหรืออายุ 60 ปี ขึ้นไป
คือทุกคนต้องการ สุขสบาย 100%
และสิ่งนั้นต้องประกอบด้วย
เงิน เวลาและสุขภาพ

เงินต้องมาก่อน มีเงินก็มีเวลา
มีเงินก็ซื้อสุขภาพได้ ที่แด๊กซิน
มีรายได้มากเงินก็เยอะ

รายได้บนโลกนี้มี 2 แบบ
1. Active incmoe ต้องเอาแรง+เวลา+สุขภาพ=เงิน
เมื่อหยุดทำ รายได้ก็หยุด ทำงาน 40 ปี เกษียน ถ้ารวยก็รวยไม่มาก
2. Passive income ต้องเอาแรง+เวลา สร้าง Asset
Asset จะสร้างเงินให้กับเราตลอดเวลา
เมื่อหยุดทำ รายได้ไม่หยุด เป็นมรดกได้ ทำ 4 ปี เกษียน
เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร

แต่ถ้าไม่มีทุน ไม่มีเวลา สุขภาพไม่ดี ทำได้หรือเปล่า?
ทำได้ครับ เริ่มต้นแค่ 700 บาท ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องขายสินค้า และไม่ต้องตรวจสุขภาพ...

แค่เปลี่ยนที่จ่ายบางส่วนที่คุณจำเป็นต้องใช้ทุกวัน
หรือสิ่งที่ใช้ประจำ คือ "เปลี่ยนรายจ่ายให้เป็นรายได้
เปลี่ยนของใช้ให้เป็นกองทุนการศึกษาให้ลูก กองทุนเกษียน ไม่เป็นภาระให้กับลูกหลานแน่นอนครับ"

ติดต่อเรา

http://line.me/ti/p/sP-pAVK3oJ

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแดง DAXIN ผลการทานเห็ดหลินจือกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

ผลการทานเห็ดหลินจือกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ



โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นโรคเดียวกัน และเป็นโรคหัวใจที่พบบ่อยมากในปัจจุบัน โดยสาเหตุเกิดจากมีภาวะแข็งตัวของผนังหลอดเลือดแดง (Arteriosclerosis) คล้ายๆ กับสนิมที่เกาะอยู่ภายในผนังท่อน้ำ นานๆ เข้าก็ทำให้ท่อตัน แต่การแข็งตัวของผนังหลอดเลือดนั้นเกิดจากมีการสะสมของไขมันและหินปูน รวมทั้งเซลล์ต่างๆ ที่ผนังหลอดเลือดแดงชั้นในสุด

เห็ดหลินจือกับโรคหัวใจ

จากรายงานการวิจัยนี้  สรุปไว้ว่า  เห็ดหลินจือมีฤทธิ์ลดความหนืดของเลือด  ลดความเข้มข้นของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี  ได้สะดวก  เพิ่มค่าความเร็วในการตกตะกอนของเลือด  ลดระดับไขมันในเลือดทั้งคลอเรสเตอรอล  และไตรกลีเซอไรด์  ยับยั้งการรวมตัวของเกร็ดเลือด ช่วยให้เม็ดเลือดแดงเปลี่ยนแปลงรูปร่างเพื่อให้ไหลผ่านไปตามเลือดไปตามอวัยวะต่าง ๆได้ง่ายขึ้น

ปี ค.ศ.  1980  นักวิจัยชาวญี่ปุ่นยืนยันผลการทดลองเช่นเดียวกับจีน  โดยพบว่า  สารสำคัญที่ช่วยลดความดันโลหิต  และลดไขมันในเลือดคือ  กรดกาโนเดอริค  ที่มีอยู่ในเห็ดหลินจือทำหน้าที่ยับยั้งการรวมตัวของเกร็ดเลือด  นอกจากนี้ยังพบอีกว่า  เห็ดหลินจือมี   สารอัลคาลอยด์  ซึ่งสารชนิดนี้จะทำหน้าที่ลดแรงเสียดทานในผนังของเส้นเลือดของหัวใจ

จากผลการศึกษาทางคลินิกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว  ประเทศญี่ปุ่นมีการใช้เห็ดหลินจือที่เป็นยาสกัด    รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง  53  ราย  เป็นเวลานาน  6  เดือน พบว่าความดันโลหิตลดลงได้  10 – 29  มิลลิเมตรปรอท  =  57.5 %
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจ   90  รายพบว่าสารสกัดจากเห็ดหลินจือสามารถลดอาการต่างๆได้หลายอย่างเช่น

1.ลดอาการแน่นหน้าอกได้   90.4 %

2.ลดอาการเจ็บหน้าอก 84.5  %

3.ลดอาการอ่อนเพลียได้  77.8%

4.ลดอาการมือเท้าเย็น   73.9 %

5.ลดอาการนอนไม่หลับ   77.8%
 
6.ลดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้   60.0%
 
7.ลดอาการหายใจขัด 72.5%


เมื่อต้นปี 2557

ผมได้ทดลองให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจตีบ ที่บ้านไหนหนัง ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ผู้ป่วยอายุประมาณ 40 ปี เดินไม่ได้ กำลังรักษาที่โรงพยาบาล ผมแนะนำให้ทานเห็ดหลินจือแดงสกัดรากและดอกของบริษัทแด๊กซิน (ประเทศไทย) จำกัด ทานได้ประมาณ 7 วัน ก็เดินได้ ทานไปประมาณ 15 วัน ก็ช่วยภรรยาทำงานได้ อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็ยังทานทุกวัน
 
บทสรุป

เห็ดหลินจือ   นับเป็นสมุนไพรที่ได้รับความสนใจจากนักวิจัยทั่วโลก  มีผลการศึกษาที่เป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งประเทศจีน   ญี่ปุ่น  เพื่อไขปริศนาความเชื่อของแพทย์จีนโบราณที่ใช้เห็ดหลินจือรักษาโรคหัวใจ   โดยเฉพาะในประเทศรัสเซีย  ก็ได้ทำการวิจัยพืชสมุนไพร  21  ชนิด  ภายในศูนย์วิจัยโรคหัวใจแห่งชาติที่กรุงมอสโคว์  พบว่าเห็ดหลินจือมีฤทธิ์ต่อระบบการไหลเวียนของโลหิตและหัวใจได้อย่างกว้างขวาง   และมีประสิทธิภาพดีที่สุด  ตรงกับสรรพคุณยาของจีนโบราณที่ระบุไว้ในการบำรุงและรักษาโรคหัวใจทุกประการ   เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดที่ผ่านมาหมอจีนโบราณยังคงใช้เห็ดหลินจือรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอย่าง ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน   และเป็นเรื่องเชื่อถือได้   ส่วนในคนที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจ   แพทย์จีนโบราณจะให้ใช้เห็ดหลินจือเพื่อบำรุงร่างกาย   และเป็นการป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคหัวใจได้โดยง่าย

ติดต่อเรา



วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแดง DAXIN เป็นนิ่วในถุงน้ำดี ทานเห็ดหลินจือแล้วต้องผ่าตัดอีกไหมครับ?

เห็ดหลินจือกับนิ่วในถุงน้ำดี

อ้างอิง

นิ่วในถุงน้ำดี

ธรรมชาติของถุงน้ำดี, น้ำดี และนิ่ว

ถุงน้ำดี : ทำหน้าที่เหมือนอ่างเก็บน้ำ ซึ่งทำให้น้ำดีเข้มข้นขึ้น พร้อมใช้งานเวลาที่มีอาหารลงมาถึงทางเดินอาหารส่วนต้น ถุงน้ำดีจะบีบตัวให้น้ำดีออกมาคลุกเคล้ากับอาหาร
น้ำดี  : สร้างจากตับ ไหลลงมาตามท่อน้ำดี ร่วมทำหน้าที่จับกับไขมันในอาหาร เพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
นิ่วในถุงน้ำดี  : เกิดจากองค์ประกอบในน้ำดีตกตะกอน เวลาที่มีการดูดซึมน้ำออกไปจากน้ำดีภาวะไม่สมดุลของสารประกอบในน้ำดี เป็นเหตุให้มีการตกผลึกของโคเลสเตอรอล และมีหินปูน (สารแคลเซียม) จับตัวร่วมด้วย
ซึ่งเมื่อมีนิ่วเกิดขึ้นแล้ว อาจมีอาการตั้งแต่ ท้องอืด อาหารไม่ย่อย บางครั้งนิ่วไปอุดท่อถุงน้ำดี ทำให้มีอาการปวดแบบปวดดิ้น หรือถ้านิ่วตกลงไปอุดท่อน้ำดีใหญ่ จะทำให้มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งมีอันตรายรุนแรงถึงชีวิตได้ ในบางรายอาจตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดีแต่ไม่มีอาการได้เช่นกัน แต่อาการดังกล่าวข้างต้นจะเกิดเมื่อใดก็ได้ ในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งถุงน้ำดี พบว่ามีนิ่วร่วมด้วยเป็นส่วนใหญ่ นิ่วในถุงน้ำดี ไม่สามารถรักษาได้โดยใช้เครื่องสลายนิ่ว การรักษาโดยใช้ยาละลายนิ่วใช้ได้เฉพาะนิ่วบางชนิดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ต้องรับประทานยาเป็นเวลานาน และเมื่อหยุดยาก็อาจเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้อีก อีกทั้งนิ่วของคนไทยส่วนมากมักไม่ละลายโดยใช้ยา ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุด คือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก ซึ่งการตัดถุงน้ำดี ไม่มีผลต่อการย่อยอาหาร เพราะน้ำดีสร้างมาจากตับ ถุงน้ำดีเป็นเพียงที่เก็บพักน้ำดีเท่านั้น
อ้างอิง
อาการ ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดี อาจไม่มีอาการเลย หรือมีอาการบางอย่าง ดังต่อไปนี้ โดยไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอาการ ได้แก่
- ท้องอืด
- แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก - ปวดท้องใต้ชายโครงขวาเป็นครั้งคราว
- ปวดท้องรุนแรง และปวดร้าวไปถึงสะบักด้านขาว
- ไข้สูงเฉียบพลัน ถ้ามีการอักเสบของถุงน้ำดีอย่างเฉียบพลัน
- ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม

จะตรวจพบว่าเป็นนิ่วถุงน้ำดีได้อย่างไร? วิธีที่ดีที่สุด ที่จะวินิจฉัยว่ามีนิ่วในถุงน้ำดี คือการตรวจอัลตร้าซาวด์

Daxin Inter Community

การรักษาด้วยเห็ดหลินจือ
ในช่วงปี 2556 ชาวบ้านที่ บ้านไหน ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ชื่อคุณแดง เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 47 ปี ไปตรวงพบว่าตัวเองเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ที่โรงพยาบาลกระบี่ เธอได้มาปรึกษา ว่าทานเห็ดหลิ่นจือแล้วต้องผ่าตัดอีกไหม ทางเราก็ให้คำตอบว่า "ที่ผ่านมาถ้าทานต่อเนื่องตามที่เราแนะนำก็ไม่ต้องผ่าตัดครับ" 

คุณแดงก็สั่งเห็ดหลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ เจ้าแรกของเมืองไทย จากเราไปทาน 
ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ผ่าตัด เพราะว่าเธอได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง หมอก็ตรวจไม่พบ
คุณแดงมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ปวดมานานเป็นปีแล้ว
ติดต่อเรา

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแดง DAXIN โรคมาจากไหน?

สาเหตุของโรคต่าง
ภาพจากเว็บ
ลายแทงของโรค

ลายท่านอาจสงสัยว่า อยู่ดีๆ จะเป็นโรคได้อย่างไร?
เป็นคำถามที่ไม่แปลก เพราะทุกคนต้องเจอกับความเจ็บป่วย ไม่ช้าก็เร็ว

ตำตอบแบบง่ายๆ ที่เห็นชัดก็คืออาหารของโรค เพราะโรคก็มีความอยากอาหารไม่ต่างจากมนุษย์
แต่ร่างกายของแต่ละคนนั้นก็มีเจ้าของที่สามารถปกป้องได้ นั่นก็คือตัวเราเอง แต่สาเหตุที่เชื้อโรคเข้ามาในร่างกายของเราได้นั้น ก็เพราะว่าเราได้สร้างลายแทงเอาไว้ โดยเฉพาะอาหารชั้นดีให้กับโรค

จริงอยู่ที่ร่างการเรามีภูมิต้านทานคอยป้องกัน แต่เชื้อโรคบางสายพันธุ์ก็ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
(เมื่อข้าศึกมากจนเกินไปทหารจะต้านศึกได้อย่างไร?)

ภาพจากเว็บ

เช่นนั้นเราจึงต้องอาศัยทหารรับจ้างหรือว่ายารักษาโรค แต่ถ้ากินยาไปนานๆ ก็จะกลายเป็นเกลือเป็นหนอน หรือเรียกอีกอย่างนึงคือ "ยาสร้างโรค" ซึ่งเราต่างก็เคยได้ยินกันมาอย่างยาวนาน เช่นยาเบาหวาน ความดัน หรือแม้แต่ยาโรคหอบและยาโรคหัวใจ ฯลฯ 

การแก้ปัญหา

  1. เราต้องทานอาหารที่เป็นประโยนช์ต่อร่างกาย
  2. ไม่กินอาหารมากหรือน้อยจนเกินไป
  3. งดน้ำแข็ง น้ำเย็นและน้ำอัดลม
  4. ทานน้ำเปล่าหรือน้ำอุ่น ให้ได้อย่างน้อย 2.5 ลิตรต่อวัน
  5. ทานผักผลไม้ที่ปลอดสารเคมีหรือสารพิษ
  6. ทานอาหารให้เป็นเวลาตามกรมอนามัยโลก
  7. พักผ่อนให้เพียงพอและนอนให้เป็นเวลา


ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันทุนท่านครับ

Nasron Daxinmudoh

ติดต่อเรา



วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

เห็ดหลินจือแดง DAXIN เป็นความดัน เห็ดหลินจือแพงไหม?

เห็ดหลินจือกับความดันสูง

เห็ดหลินจือกับความดันสูง

สวัสดีครับ ณัศรน ขอแบ่งปันสิ่งดีๆ นะครับ

ประมาณต้นเดือน กุมภาพันธุ์ 2558 ผมเป็นเพื่อนทาง facbook 
กับคุณบุญเอื้อ แหลงหวัง (อาก่ง) อากงได้มาปรึกษาเรื่อง
เห็ดหลินจือว่าแพงไหม ผมก็แนะนำชุดทดลอง 700 บาทก่อน
ของ DAXIN บริษัทแด็กซิน (ประเทศไทย) จำกัด
แม้จะมีคนหายขาดมากมายก็จริง แต่ลางเนื้อชอบลางยา 
อาก่งก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อชุดทดลอง

ชุดทดลอง 480 บาท ชุดใหญ่ 1,310 บาท



ทานชุดทดลองแล้วก็ได้คำตอบมาเช่นนี้ครับ


"ตอนนี่ผมกินเห็ดได้หนึ่งอาทิตย์กว่าแล้ว มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ความดันไม่ขึ้นอีกเลย รู้ได้อย่างไรคือผมซื่อเครื่องวัดความดันไว้ที่บ้าน รองวัดทุกเช้าตอนตื่นนอน ตอนกลางวัน ตอนเย็น ความดันสูงหายครับ หรือ 120 ครับต่ำสุด 113ครับ..ไม่มึนหัวอีกเลย ..กล้ามเนื้อที่ตายด้านมา 20กว่าปีก็ฟื้นดีขึ้นมาเป็นปกติอย่างไม่น่าเชื่อ ..ผมมีเนื้อช้ำเขียวที่ของลับเนื้อนั้นก็หายเขียวหายช้ำ ไม่น่าเชื่อแต่ต้องเชื่อครับ ..ปวดหลังปวดเอวเมื่อเพลียไม่มีแรงก็หายไป กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ..ทำงานไม่เหนื่อย ผมอยู่บ้านนั่งรับแขกตั้งแต่เช้า และเดินทั้งวัน ถ้าวัดระยะทางลูกศิษย์ของผมบอกว่าน่าจะได้ถึง 10 กิโลเมตรต่อวัน ..
ตอนนี่ผมมีความสุขมากที่จะได้อยู่กับลูกหลานและลูกศิษย์ไปได้อีกนาน ..
สุดท้ายนี่ผมขอขอบคุณอาจารย์ผู้เป็นเจ้าของยานี่ และจะไม่ลืมท่านไปตลอดชีวิต..ขอบพระคุณครับ ..
ผมต้องออกไปรับแขกอีกแล้วลูกศิษย์มาทั้งวัน ผมไม่อยากเอารูปสักยันต์ลงในนี่"21/2/2558

ติดต่อเรา

เห็ดหลินจือแดง DAXIN เป็นมะเร็งปากมดลูก ต้องทำอย่างไร?

เห็ดหลินจือ กับ มะเร็งปากมดลูก

เห็ดหลินจือ กับ มะเร็งปากมดลูก
เห็ดหลินจือ กับ มะเร็งปากมดลูก

สวัสดีค่ะ

รักษา ศรีคำพันธุ์ค่ะ

วันนี้มีเรื่องเล่าประสบการณ์ที่ตกอยู่ความวิตกกังวลมานาน 
เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกคิดว่าตัวเองจะต้องตายเพราะโรคนี้แน่นอน
หลังจากที่ดิฉันได้รู้จักกับ คุณณัศรน แวนุเซ็งทาง Facebook แล้ว
และได้แนะนำให้ดิฉันรองทานหลินจือดูก่อน
ดิฉันก็ได้ทำตามคำแนะนำ เริ่มทานวันที่ 2 ก.พ. 58 
ทุกอย่างก่อนที่จะไปตรวจมะเร็งปากมดลูกที่บ้านเกิด
ดิฉันได้ไปตรวจวันที่19ก.พ 58หมอบอกดิฉันว่ามีเชื้อมะเร็งปากมดลูก
แต่ต้องรอผลสรุปอีก สองอาทิตย์เพื่อความแน่ใจ100%
ช่วงเวลาที่ดิฉันรอผลนั้นดิฉันก็ทานหลินจือมาโดยตลอด
จนถึงทุกวันนี้วันที่9 มีนาคม58ดิฉันได้โทรศัพท์ไปถามคุณหมอ
ผลปรากฏว่าเป็นข่าวดีที่สุดค่ะดิฉันไม่มีเชื้อมะเร็งปากมดลูกค่ะ
คุณหมอได้แนะนำว่าให้ไปตรวจทุกๆ หก เดือนหรือปีระครั้ง
ห้ามปล่อยไว้เหมือนที่ผ่านเพราะอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้อีก
เป็นข่าวดีที่สุดสำหรับดิฉันยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งเลยค่ะ
ดิฉันขอฝากประสบการณ์ในครั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนสตรีทุกท่านด้วยนะคะ
อยากให้ทุกคนท่านไปตรวจร่างกายทุกปีด้วยนะคะ
อย่าปล่อยเอาไว้จนแก้ไขอะไรไม่ได้ขอบคุณที่สระเวลาอ่านข้อมูลประสบการณ์ของดิฉัน
และขอบคุณคุณณัศรน คุณนกและคุณหมอสมานมากๆ เลยนะคะ
ที่แนะนำให้ความรู้และเป็นที่ปรึกษาในยามที่รู้สึกไม่มีใครขอบคุณค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
คุณรักษา ศรีคำพันธุ์ 098 4218955


สั่งสินค้าเพื่อสมทบทุน โทร 083-8954532